
ชาวประเทศปากีสถานยังคงได้รับผลพวงจากอุทกภัยครั้งใหญ่ ปัจจุบันกรุ๊ปนักค้นคว้าชี้ว่า ที่เหตุการณ์น้ำหลากประเทศปากีสถานจำเป็นต้องทรุดโทรมแบบนี้น่าจะเป็นผลพวงมาจากสภาวะโลกร้อน
นักค้นคว้าจากกรุ๊ปโครงข่ายความร่วมแรงร่วมมือด้านลักษณะของอากาศนานาประเทศ หรือ World Weather Attribution เผยออกมาว่ารายงานโดยกล่าวว่า สภาวะโลกร้อนคงจะมีหน้าที่สำคัญต่อเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ในประเทศปากีสถาน พร้อมบอกว่าความเคลื่อนไหวของลักษณะของอากาศอาจส่งผลให้ปริมาณน้ำฝนมากขึ้น ดังนี้ในตอน 2 เดือนที่ผ่านมาประเทศปากีสถานกำเนิดฝนตกหนักที่สุดในฤดูร้อน โดยนักค้นคว้าพบว่าปริมาณน้ำฝนที่มากขึ้นในบริเวณลุ่มน้ำสินธุราว 50% ในขณะที่ดินแดนสินธุ และก็ แว่นแคว้นบาลูจิสถานที่ (Balochistan) มีปริมาณน้ำฝนมากขึ้นโดยประมาณ 75 %
ช่วงเวลาเดียวกันนักค้นคว้ากลุ่มนี้ได้ใช้แบบจำลองสภาพอากาศเพื่อพิจารณาถึงความน่าจะเป็นไปได้สำหรับการกำเนิดหายนะต่างๆในโลกที่ไม่มีสภาวะโลกร้อน ซึ่งแบบจำลองบางตัว ทำให้เห็นว่า ปริมาณน้ำฝนที่ตกหนักบางทีอาจได้ผลพวงมาจากความเคลื่อนไหวสภาพอากาศที่เกิดขึ้นจากมนุษย์ อย่างไรก็แล้วแต่ผลที่เกิดขึ้นมาจากแบบจำลองยังมีความไม่เที่ยงอยู่
ด้าน ฟรีดเดอริก อ็อตโต (Friederike Otto) จาก Imperial College London ซึ่งเป็นเยี่ยมในนักเขียนรายงานดังกล่าวข้างต้น บอกว่า หลักฐานของทีมงานวิจัยได้แสดงให้เห็นว่า ความเคลื่อนไหวลักษณะภูมิอากาศมีหน้าที่สำคัญสำหรับในการกำเนิดอุทกภัยครั้งใหญ่ แม้การพินิจพิจารณานี้จะยังไม่อาจจะประเมินผลกระทบได้ว่ามีขนาดใหญ่ขนาดไหนก็ตาม แต่ว่าที่นักค้นคว้าเจอในประเทศปากีสถานเป็น สิ่งที่คาดคะเนเกี่ยวกับลักษณะอากาศมานานยาวนานหลายปี สอดคล้องกับการบันทึกสถิติฝนตกหนักมากขึ้นมากมายสุดในประวัติศาสตร์ของภูมิภาคนี้ เพราะว่ามนุษย์เริ่มปลดปล่อยแก๊สสภาวะเรือนกระจกหลายชิ้นสู่ชั้นบรรยากาศ
นอกเหนือจากนี้จากการวิเคราะห์ของของทีมวิจัยชุดนี้ บอกให้เห็นอย่างเห็นได้ชัดว่า สภาวะโลกร้อนที่มากขึ้นจะมีผลให้ฝนตกหนักร้ายแรงขึ้น และก็ประเมินว่าสถานะการณ์ฝนตกหนักน้ำหลากร้ายแรงที่เกิดขึ้นในประเทศปากีสถานแบบงี้ได้โอกาสราว 1 % ที่บางทีอาจเกิดขึ้นซ้ำรอยอีกในอนาคต